วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์

ประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่มีการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวมักเป็นการเที่ยวชมธรรมชาติที่หลากหลาย ได้แก่ ถ้ำ น้ำตก ธารน้ำแข็ง น้ำพุร้อน ฟาร์ม

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
เมืองไคร้สท์เชิร์ช “เมืองอังกฤษนอกเกาะอังกฤษ” ผ่านชมสวนสาธารณะแฮกลีย์ ศาลาว่าการประจำเมือง ชมความงามของแม่น้ำเอว่อน




“ฟรานซ์โจเซฟ กลาเซียร์” ธารน้ำแข็งที่อยูในเวสต์ แลนด์ (WESTLAND NATIONAL PARK)ที่อยู่ในเขตป่าชื้นแห่งเดียวของโลก ชมความมหัศจรรย์ของธาร น้ำแข็งอัน งดงาม ที่เคลื่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษ และยังเคลื่อนตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ธารน้ำแข็ง สีขาวระยิบระยับสลับกับสีเขียวมรกตอันงดงามประดับ


ชมทะเลสาบเทคาโป ที่มีสีเขียวอมฟ้า ที่เรียกว่าทะเลสาบสี เทอควอยส์ ที่มีความสวยงาม ชมโบสถ์เล็กๆ น่ารัก ซึ่งในปัจจุบันยังใช้ในการประกอบพิธีการต่างๆ


ทะเลสาบปูคากิ ทะเลสาบที่สวยงามจนได้ชื่อว่า Million Dollar View ซึ่งมี ยอดเขาเม้าท์คุ้กที่มีเทือกเขาสูงถึง 3,753 เมตร เหนือยอดเขามีหิมะและธารน้ำแข็งปกคลุม ตลอดปี

สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอเมริกา


1. น้ำตกไนแองการ่า ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดา


    สถานที่ตั้ง บริเวณทะเลสาบทั้ง 5 ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดา




        น้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยวที่ลือลั่นสนั่นโลก และเป็นแหล่งที่ทำเงินให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกาปีหนึ่ง ๆ นับจำนวนมหาศาล เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตาม
        ภาพของน้ำตกไนแองการ่าที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ในแผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า "แคนาเดี่ยนฟอลส์" ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า "อเมริกัน  ฟอลส์"

2. สะพานโกลเดนเกต ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา


     สถานที่ตั้ง เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

 


  

          

           สะพานโกลเดนเกต เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดข้ามอ่าวทางตอนเหนือ ของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างเป็นแบบโครงแขวน ตัวสะพานแขวนประกอบด้วยหอคอยเหล็กสองข้างข้างละ 215 เมตร ( 746 ฟุต) ใช้ ลวดเคเบิลที่โยงทอดเป็นตัวดึงน้ำหนักสะพานมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 107,000 ไมล์ และยังมีเส้นลวดเล็ก ยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีช่วงกลางระหว่างตอม่อยาว 1.26 กิโลเมตร ส่วนริม 2 ฟาก ยาวข้างละ 34 เมตรสิรวมยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตรทมีส่วนกว้าง 27 เมตรธิเป็นสะพานแบบสะพานแขวนขนาดใหญ่ และยาวมากที่สุดสะพานแรกในยุคนั้น จนเป็นที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ผ่านไปมาชัและพบเห็นยิ่งนัก ยและเป็นแบบอย่างในการออกแบบสร้างสะพานแขวนแบบใหญ่และยาวมากขึ้นไปอีกในโอกาสต่อๆมา


3. ตึกเอ็มไพร์สเตต นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา


     สถานที่ตั้ง บนเกาะแมนฮัตตัน เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา

                                       

       

          ตึกเอ็มไพร์สเตต ใช้อิฐในการสร้าง 10 ล้านก้อน สูง 375 เมตร และลึกลงไปใต้ดิน จากระดับถนนอีก 10 เมตร แบ่งเป็น 102 ชั้น บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตรจากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 มีโครงเหล็กเสริมอย่างดี ชนิดไม่ขึ้นสนิม คิดเป็นน้ำหนัก 730 ตัน มีหน้าต่างทั้งหมด 6,500 บาน จุคนได้ 80,000 กว่าคน รับประกัน 6,000 ปี มีบริษัทใช้เป็น ที่เปิดทำการ 600 กว่าบริษัท ใช้ลิฟท์ขึ้นลง 65 เครื่อง เริ่มสร้างเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) สร้างเสร็จเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937)

4. เขื่อนยักษ์ฮูเวอร์ สหรัฐอเมริกา
   สถานที่ตั้ง ประเทศสหรัฐอเมริกา



        เขื่อนฮูเวอร์ หรือ ทำนบโบลเดอร์ เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำโคโลราโดไว้ตลอดปี เพื่อป้องกันอุทกภัยในฤดูหนาว เพื่อการชลประทานในเขตนั้น สงวนพันธ์ปลา และเพื่อผลิตพลังไฟฟ้าอีกด้วย
        ตัวเขื่อนฮูเวอร์ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กยาว ตัวทำนบสูง 218 เมตร ฐานข้างล่างกว้าง 198 เมตร สันทำนบข้างบนกว้าง 13.5 เมตร ยาว 385 เมตร ใช้คอนกรีต เฉพาะสร้างตัวทำนบ 3,250,000 ลูกบาศก์หลา และส่วนอื่น ๆ อีก 4,400,000 ลูกบาศก์หลา มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จากน้ำตก 17 เครื่อง ให้กำลังไฟฟ้า 1,835,000 กิโลวัตต์ เมื่อจะก่อสร้าง ใช้เวลาสำรวจถึง 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2447-2467 (ค.ศ. 1904-1924) เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) เสร็จเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) เมื่อปิดกั้นเขื่อนเต็มที่แล้ว เหนือเขื่อนขึ้นไปเกิดเป็นทะเลสาบยาวตามตามลำแม่น้ำถึง 115 ไมล์ มีบริเวณทั้งหมด 225 ตารางไมล์ เรียกชื่อทะเลสาบนี้ว่า ทะเลสาบมี๊ด ตามชื่อของมิสเตอร์มี๊ด อธิบดีกรมการฟื้นฟูที่ดินของ สหรัฐอเมริกาสมัยนั้น และเขื่อนฮูเวอร์ ก็ตั้งชื่อตามนามของ ประธานาธิบดีฮูเวอร์ ผู้ลงนามใน พ.ร.บ. โบลเดอร์
แคนยอน ให้สร้างเขื่อนนี้ได้
        ความจริงเขื่อนที่มีขนาดใหญ่โตกว่าเขื่อนฮูเวอร์ก็มีอยู่แต่โดยทั่วไปยกย่อง ให้เขื่อนฮูเวอร์เป็นสิ่งก่อสร้าง อันน่ามหัศจรรย์ชิ้นแรกที่เอาชนะธรรมชาติอันร้ายแรงของน้ำท่วม และการกักเก็บน้ำให้เกิดเป็นทะเลสาบขึ้นมาได้ ซึ่งไม่เคยมีใครสร้างสำเร็จใหญ่โตมหึมาเช่นนี้มาก่อน


  

ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ

ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ


ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ ข้อมูลทั่วไป: ประเทศอังกฤษมีชื่อเต็มว่า สหราชอาณาจักรบริเทนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (The United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) แบ่งออกเป็น 4 แคว้นใหญ่ คือ อังกฤษ เวลส์ สก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ มีเมืองหลวงคือ กรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษ นี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรปค่ะ

การขอวีซ่า: สำหรับผู้ที่ต้องการขอวีซ่าเพื่อเข้ามาเที่ยวอังกฤษ จะต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ นักท่องเที่ยวจะสามารถอาศัยอยู่ในประเทศได้ชั่วคราวตามระยะเวลาของวีซ่าเท่านั้น และจะต้องไม่เคยมีประวัติ หรือต้องคดีร้ายแรงมาก่อนด้วยค่ะ

สถานทูตไทยในอังกฤษ: ตั้งอยู่ที่ 29-30 Queen’s Gate, London SW7 5JB โทร. 020-7225-5500 หรือ 020-7589-2944 แฟกซ์: 020-7823-7492 สถานีใต้ดินที่ใกล้ที่สุด คือ South Kensington Station ค่ะ ถ้าท่านมีปัญหาอะไรที่อังกฤษสามารถไปติดต่อที่สถานทูตได้เลยนะคะ

ภาษาที่ใช้: ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการค่ะ ส่วนผู้คนก็พูดภาษาอังกฤษเช่นกันค่ะ

ความแตกต่างของเวลา: ประเทศอังกฤษมีเวลาเร็วกว่าในประเทศไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนมีนาคม - ปลายเดือนตุลาคมค่ะ และจะเร็วกว่าบ้านเรา 7 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม - ปลายเดือนมีนาคม ค่ะ

สภาพอากาศ: สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปในอังกฤษค่อนข้างหนาวรวมถึงมีความชื้นสูง และจะมีฝนตกทางภาคตะวันตกมากกว่าทางภาคตะวันออกค่ะ อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในช่วงฤดูหนาวคือ 2-4 องศาเซลเซียส และสูงสุดในช่วงฤดูร้อนคือ 18-22 องศาเซลเซียสค่ะ ประเทศอังกฤษมีฤดูกาลทั้งหมด 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ฤดูร้อน ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ส่วนฤดูใบไม้ร่วง ในเดือนกันยายน-พฤศจิกายน และ ฤดูหนาว จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ค่ะ ยังไงก็ตาม ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วยนะคะ

ธงประจำชาติ ประเทศอังกฤษค่าเงิน และการธนาคาร: สกุลเงินที่ใช้ในอังกฤษคือ ปอนด์ ซึ่งเป็นหน่วยเงินประจำประเทศค่ะ ส่วนสกุลเงินแบ่งออกเป็น ธนบัตรมีทั้งหมด 4 ชนิด คือ ธนบัตรใบละ 5, 10, 20 และ 50 ส่วนเหรียญแบ่งออกเป็น 8 ชนิด คือ 1 และ 2 ปอนด์ และ 1, 2, 5, 10, 20 และ 50 เพนนีค่ะ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนต่อเงินบาทไทยอยู่ที่ประมาณ 60 บาท ต่อ 1 ปอนด์ค่ะ

กระแสไฟฟ้า: ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทยค่ะ แต่จะใช้ปลั๊กไฟสามขา ซึ่งต่างจากบ้านเรา ดังนั้น หากท่านต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปด้วย ควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้าสามขาไปด้วย หรืออาจจะไปขอยืมจากทางที่พักในอังกฤษของท่านก็ได้ค่ะ

ระบบโทรศัพท์: ในอังกฤษโทรศัพท์สาธารณะจะมี 2 แบบ คือ แบบหยอดเหรียญ และแบบใช้บัตรโทรศัพท์ค่ะ ซึ่งสามารถหาซื้อบัตรโทรศัพท์ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์และร้านค้าที่มีป้าย Phone card ซึ่งมีราคาตั้งแต่ UKP 2, UKP5, UKP10 และ UKP 20 ให้เลือกซื้อค่ะ และหากต้องการโทรศัพท์ระหว่างประเทศในราคาถูก ก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากร้านค้า หรือใช้บริการ Swiftcall ก็ได้นะคะ โดยการขอซื้อรหัสที่เรียกว่า Pin ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายหนังสือพิมพ์ทั่วไปค่ะ

ข้อแนะนำพิเศษ: ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 - 17.30 น. สำหรับบางห้างอาจเปิดให้บริการในวันอาทิตย์ด้วยนะคะ

การเดินทาง: การเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดในลอนดอน คือรถไฟใต้ดิน กับ รถไฟค่ะ วิธีใช้ก็ง่ายมาก รถไฟใต้ดินจะมีวิ่งทั้งไปและกลับ แต่ถ้าเป็นรถไฟให้ท่านสังเกตดูที่สถานีปลายทางเป็นหลักนะคะ สำหรับการโดยสารรถไฟใต้ดิน จะแบ่งตั๋วการเดินทางออกเป็นโซนๆ ซึ่งจะมีราคาแตกต่างกันไปค่ะ แนะนำให้ซื้อตั๋ว Travel Card (Zone1-4) เนื่องจากตั๋วชนิดนี้ ยังสามารถเอาไปใช้ขึ้นรถบัสได้ทุกสายอีกด้วยค่ะ

อาหารท้องถิ่นอาหาร: อาหารอังกฤษจำนวนมาก จะมีเนื้อเกือบทุกชนิดเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว แกะ หมู ไก่ และปลา ซึ่งมักจะเสิร์ฟพร้อมกับผักต่างๆและมันฝรั่ง อาหารที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ คือ ฟิชแอนด์ชิปส์ แซนด์วิช พาย และขนมหวานนานาชนิดค่ะ ท่านอาจลองไปหาชิมอาหารอังกฤษแท้ๆได้จากภัตตาคาร ร้านอาหารของโรงแรมในอังกฤษ ภายในเมืองที่ท่านไปเที่ยวก็ได้ค่ะ หากท่านต้องการทานอาหารไทย ในอังกฤษก็มีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้านค่ะ ที่นั่น ท่านจะได้พบคนไทยมากมาย เพราะเป็นแหล่งที่คนไทยซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น มารวมตัวเพื่อพบปะสังสรรค์กันค่ะ

แหล่งช้อปปิ้ง: การช้อปปิ้งที่ประเทศ อังกฤษ นับว่าเป็นสิ่งที่นักช้อปไทยทั้งหลายโปรดปรานมาก และถือได้ว่าเป็นแหล่งช้อปสินค้าแบรนด์เนมที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ
กลับด้านบน

สถานที่ท่องเที่ยวประเทศไทย

สถานที่ท่องเที่ยวประเทศเกาหลี

สถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้
ชวนเที่ยวเกาหลี   เพื่อสร้างประสบการณ์ชีวิตการเดินทาง
กรุงโซล  พานั่งรถชมใจกลางเมืองหลวง ผ่านซิตี้ฮอล์ ประตูเมืองคังฮวามุน พระราชวังด๊อกสุ ตึกเคียวโบ-ขายหนังสือที่ใหญ่
สุดในประเทศ  สถานีรถไฟกรุงโซล  ศูนย์วัฒนธรรมเซจอง
ทัวร์เกาหลี-เที่ยว คลองชงเกชองคลองชงเกชอนคลองชงเกชอน เกาหลี
คลองชงเกชอน (Cheonggyecheon)   นั่งรถไปบริเวณชองเกชอนถูกขุดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อราว 600 ปีก่อนในสมัยของกษัตริย์ YEONGJO กษัตริย์องค์ที่ 21 แห่งราชวงศ์โชซอน ชองเกชอนเป็นสัญลักษณ์ของการผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวของธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
ประวัติคลองชองเกชอนก่อนทศวรรษที่ 1960 กษัตริย์ยองโจ (กษัตริย์องค์ที่ 21 ของราชวงศ์โชซอน) ได้รับสั่งให้ดำเนินการขุดคลองชองเกชอนถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ ใช้คนงานประมาณ 200,000คน เพื่อปรับพื้นที่ให้กระแสน้ำไหลเป็นทางตรง ภายหลังสงครามเกาหลี พื้นที่ริมคลองได้กลายสภาพไปเป็นชุมชนแออัด น้ำเน่าเสีย สิ่งแวดล้อมโดนทำลายผู้คนก็อาศัยอยู่ไปวัน ๆ ไร้อนาคต

ช่วงทศวรรษ 1960 และ 70   
มีความพยายามที่จะล้างพื้นที่สลัม และปรับปรุงสุขอนามัย จึงได้ปิดคลองตั้งแต่สะพานควางเกียว ไปถึงสะพานโอกันซูเกียว ในทงแดมุน บริษัทห้างร้านต่าง ๆเกิดขึ้น ถนนแออัดมากขึ้น จึงได้มีการสร้างทางด่วนยกระดับขึ้นเหนือถนนที่เกิดจากการปิดคลอง ผลที่ตามมาคือ มีสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่และสิงอำนวยความสะดวกทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมาย

ช่วงทศวรรษ 1980 และ90
 พื้นที่แถบนี้ยังคงเจริญอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นศูนย์การค้ากรุงโซล จนเวลาผ่านไปโครงสร้างถนนก็ผุผัง เนื่องจากฝุ่นละอองและควันพิษ  กลายเป็นปัญหาความปลอดภัยของสาธารณะ ปี 2005 เพื่อให้กรุงโซลกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่น่าอาศัยสำหลับศตวรรษที่ 21 จึงได้เกิดโครงการฟื้นฟูคลองชองเกชอนจนวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2005 คลองสะอาด น้ำสีฟ้าใส การฟื้นฟูคลองชองเกชอนครั้งนี้ถือเป็นการก้าวที่น่าจดจำในการทำให้กรุงโซล กลายเป็นเมืองที่มีความสมดุลระหว่าง ธรรมชาติ วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

สถานที่ที่น่าสนใจบริเวณคลองชงเกชอน
 ตามเส้นทางคลองชองเกชอนมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายคุณจะได้เห็นธรรมชาติกลางเมือง และสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาหลี
เกชอน พลาซ่า
 
1.ชองเก พลาซ่า
จุดเริ่มของคลองชองเกชอนน้ำพุที่ประดับประดา ไปด้วยไฟสามสี น้ำพุดอกไม้ไห และน้ำพุสองชั้น ที่ในแต่ละวันต้องปั้มน้ำ 65,000ตัน ที่ก้นคลองสว่างเรือง ๆด้วยไฟอ่อน ช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบ และเยือกเย็น
2.สะพานควังทงเกียว
 สะพานควังทงเกียวเคยเป็นสะพานที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ถูกสร้างขึ้นในปีที่ 10  แห่งการครองราชย์ของกษัตริย์ แทจง (กษัตริย์คนที่ 3ของโชซอน) ใช้เป็นถนนหลวงสำหรับเชื้อพระวงศ์และชนชั้นขุนนาง สะพานนี้ได้อยู่ในโครงการฟื้นฟูคลองชองเกชอน ซึ่งได้รับการบูรณะแล้ว ยังถูกย้ายที่ตั้งให้ขึ้นไปทางต้นน้ำประมาณ 150 ม.จากที่ตำแหน่งเดิม
บันชาโด ภาพวาดขบวนแห่ของกษัตริย์ชองโจ

3.บันชาโด ภาพวาดขวบแห่ของกษัตริย์ชองโจ
 บันชาโดเป็นภาพวาดบนกำแพงเซรามิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประดับที่เขื่อนซ้ายของคลองชองเกชอนตรงช่วงระหว่างสะพานควางเกียว บันชาโดที่เป็นของดั้งเดิมนั้นเป็นภาพวาดแสดงการเยี่ยมสุสานของพระราชบิดาและพระราชมารกาของกษัตริย์ชองโจ เป็นเวลา 8 วันจากภาพดั้งเดิมนี้ได้ถูกนำมาวาดใหม่ บนกำแพงยาว 192 ม. ซึ่งมีข้าราชบริพาร 1,779 คน และม้าอีก 779 ตัว ผู้ชมจะได้เห็นทุกรายละเอียดของแบบแผน เครื่องแต่งกายรูปแบบในสมัยนั้น และขนาดของขบวนแห่
4.กำแพงวัฒนธรรม และกำแพงแซกดง(กำแพงสายรุ้ง)
กำแพงวัฒนธรรมตั้งอยู่ที่ต้นคลองใกล้กับประตูโอกันซูมุน ประมาณครึ่งกำแพงในน้ำแสดงผลงานของศิลปินร่วมสมัยห้าคนภายใต้แนวคิด “ทางสู่อนาคต”รวมไปถึงกำแพงแซกดงที่แสดงสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลี ซึ่งทำให้คลองชองเกชอนเป็นบริเวณที่จะได้ชื่นชมศิลปะ

5.สถานที่ตั้งประตูโอกันซูมุน
 ประตูโอกันซูมุนแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างประตูฮึนอินจิมุน และประตูควางฮวามุน ถูกสร้างขึ้นในช่วงการสร้างเมืองหลวงในสมัยต้นราชวงศ์โชซอนนักท่องเทียวจะได้เห็นภาพถ่ายของประตูระบายน้ำฟ้าช่องซึ่งมีน้ำไหลออกจากเมืองโดยตลอด และแบบจำลองที่เป็นสัญลักษณ์ของประตู ถัดจากประตูระบายน้ำคือสะพานโอกันซูเกียว ที่มีพระราชหัตถเลขาของกษัตริย์ยงโจจารึกอยู่ที่กินด้านล่างสะพาน ซึ่งแสดงให้เห็นการทำงานขุดคลองของเหล่าข้าราชบริพาร และมีโครงภาษาจีนสดุดีความสำเร็จของกษัตริย์เป็นตัวอักษรจีนพร้อมคำแปลภาษาเกาหลีอยู่ด้วย

6.บริเวณที่ใช้ซักผ้าในยุคโบราณ
ความสำคัญของพื้นที่บริเวณนี้คือ ครั้งหนึ่งเป็นที่สำหรับให้ผู้หญิงมาซักผ้า เป็นพื้นที่ระหว่างสะพานดาซานเกียวและสะพานยองโดเกียวแม่บ้านในกรุงโซลชอบที่จะมาซักผ้ากันที่นี่แม้แต่ในฤดูหนาว เพราะว่าที่นี่มีแดดตลอด ปัจจุบันห้ามไม่ให้มีการซักผ้าที่คลองแล้ว แต่ก็มีการจัดพื้นที่โดยนำแผ่นหินเอียงที่เคยใช้ซักผ้ามาจัดวาง

กำแพงแห่งความหวัง 
7.กำแพงแห่งความหวัง กำแพงแห่งความหวังตั้งอยู่ระหว่างมณฑลชองเกชอน 8-กา และ 9-กา ดูสวยงานทั้งสองฝั่งของคลองเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเสียใจต่อการแบ่งแยกเกาหลีเหนือและใต้ ถูกสร้างจากแผ่นกระเบื้องโดยชาวกรุงโซล ชาวเกาหลีเหนือ และชาวเกาหลีในต่างแดน รวมกว่า 20,000 คน เพื่อเป็นความหวังของความเป็นปึกแผ่นที่จะรวมชาติกันอีกครั้ง  ตัวกำแพงยาว 50 ม. ทั้งสองด้าน และสูง 2.2 ม. ถือเป็นกำแพงที่ทำจากกระเบื้องเซรามิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

8.กำแพงน้ำตกเป็นจังหวะ
 กำแพงหินอ่อนสูง 5 ม. และยาว 20 ม. มีน้ำไหลตกลงมา พื้นผิวของกำแพงตกแต่งด้วยหินรูปวงรีสีดำ ดูเหมือนปลากำลังวายทวนน้ำขึ้นไป ในตอนกลางคืนกำแพงจะถูกเติมสีสันด้วยแสงไฟทำให้ดูเหมือนน้ำกำลังตกลงมาเป็นจังหวะดนตรี

9.น้ำพุอุโมงค์ กำแพงขนาดความสูง 5 ม. ยาว 50 ม.  มีท่อพ่นน้ำจำนวน 42 ท่อ พ่นน้ำออกมาเป็นรูปพาราโบล่าเหนือทางเดิน เกิดเป็นลักษณะของอุโมงค์น้ำ ตอนกลางคืนมีแสงไฟหลากสีช่วยสร้างบรรยากาศที่ดูลึกลับ

10.ท่าเรือจนชิ
 ระหว่างสะพานบิอูดังเกียวและสะพานมูฮักเกียว มีท่าเรืออยู่สามแห่ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกใช้สำหรับการเดินทางข้ามคลอง ปัจจุบันกกลายเป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงขอบเขตของคลองข้างทางสัญจร และยังเป็นสัญลักษณ์ของโครงการบูรณะคลองซองเกซอนนี้


ทัวร์เกาหลี-เที่ยว พระราชวังเคียงบกทัวร์เกาหลี-เที่ยว พระราชวังเคียงบก
พระราชวังเคียงบก บลูเฮาส์  ย้อนละคร “ KOONG – Princess Hours “ ณ พระราชวังเคียงบก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1394 
สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์   เมื่อสมัย 600 ปีก่อน ถือเป็นจุดที่ตั้งตามหลักฮวงจุ้ยที่ดี
ที่สุด ภายในพระราชวังประกอบไปด้วยพระที่นั่งต่าง ๆ มากมาย เช่น พลับพลากลางน้ำ ห้องประทับของกษัตริย์และพระราชินี
ห้องทรงพระอักษร ท้องพระโรง สวนกลางแจ้ง เป็นต้น นั่งรถผ่านถนนสายสำคัญที่มีการเปิดปิดเป็นเวลา-สถานที่ตั้งทำเนียบ
และบลูเฮาท์หรือบ้านประจำตำแหน่ง

 ทัวร์เกาหลี- โซลทาวเวอร์ทัวร์เกาหลี - เที่ยว พิพิธภัณฑ์ เท็ดดี้แบร์ทัวร์เกาหลี - เที่ยว พิพิธภัณฑ์ เท็ดดี้แบร์
หอคอยกรุงโซล+Teddy Bear พาย้อนรอยละครดัง  “ Witch You Hee “   “ Kim Sang Soon “  “ Boys Over Flowers
หรือ F4 เกาหลี “ ณ เขานัมซาน-ภูเขาเพียงลูกเดียวใจกลางเมืองหลวง  พาท่านขึ้นลิฟท์สู่หอคอย N กรุงโซล 1 ใน 17
หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก  สูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ณ เขานัมซานใจกลางเมืองหลวง ชมทัศนียภาพกรุงโซ
ลและชานเมืองแบบรอบทิศ 360 องศา  พร้อมชมความน่ารักของ The Teddy Bear Museum ที่ผูกเรื่องราวและเหตุการณ์
ครั้งสำคัญสำคัญทางประวัติศาสตร์ของราชวงศ์สุดท้ายเกาหลี วัฒนธรรมต่างๆ ของชาวเกาหลี รวมทั้งความทรงจำของอดีต
จนถึงปัจจุบันของเมืองหลวงกรุงโซลได้อย่างน่ารักและน่าชมยิ่งนักของเจ้าหมีเกาหลีตัวน้อยน้อยทั้งหลาย และท่านยัง
สามารถเลือกซื้อตุ๊กตาหมี Alfred ของละคร “ เจ้าหญิงวุ่นว่าย เจ้าชายเย็นชา “ หรือ แบบอื่นๆ เพื่อการสะสมได้อีกด้วย  (
ความเชื่อ:  ล๊อกแม่กุญแจคู่รักเพื่อความรักที่ยืนยง ณ เขานัมซาน)

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอิตาลี

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ    กรุงโรม เมืองหลวงของประเทศอิตาลีซึ่งมีอดีตอันยิ่งใหญ่ และเกรียงไกรในยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจเมื่อราวกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว เข้าสู่ นครวาติกัน รัฐอิสระที่ปกครองตนเอง เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก


     มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา

    รูปปั้นแกะสลัก “เพียต้า” ผลงานของศิลปินเอก ไมเคิลแองเจโล เสาพลับพลาที่ออกแบบโดย เบอร์นินี และยอดโดมขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองของอิตาลี


   สนามกีฬาโคลอสเซียม โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็นสนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน

    ประตูชัยคอนสแตนติน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและที่มาของ “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม”


    น้ำพุเทรวี่ จุดกำเนิดของเสียงเพลง “ทรีคอยน์ออฟเดอร์ฟาวด์เท่น” ที่โด่งดัง ชมความสวยงามของงานประติมากรรมหินอ่อนแบบบาร็อค ซึ่งเป็นเรื่องราวของเทพมหาสมุทร ตามตำนานกล่าวไว้ว่าหากใครได้มาถึงน้ำพุแห่งนี้แล้วโยนเหรียญอธิษฐานทิ้งไว้จะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง

    เดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่ย่าน บันไดสเปน แหล่งพักผ่อนของชาวอิตาลีซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ

สถานที่ท่องเที่ยวในฝรั่งเศส

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศส

หอไอเฟล



หอคอยเหมือนเป็นสิ่งที่ชาญฉลาดทางเทคโนโลยี ในอดีตไม่เคยมีใครสร้างหอคอยที่สูงกว่า 1,000 ฟุต หลายคนพยายามลอง แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาก็มีการออกแบบไว้อยู่หลายแบบ แต่ก็ไม่เคยสร้างจริงขึ้นมา ฝรั่งเศสได้จัดการประกวดเพื่อออกแบบหอคอย แบบแรกถูกเสนอโดย เวอร์ริส คล็อกลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะวิศวกรของ กุสตาฟ ไอ-เฟล (Gustave Eiffel)
กุสตาฟ ไอเฟล เป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส ชื่อเสียงของเขาเกิดจาก การออกแบบสะพานที่เต็มไปด้วยจินตนาการ เขาค้นคว้าเกี่ยวกับแนวคิดในการออกแบบด้วยโครงสร้างโลหะ การที่มี กุสตาฟ ไอเฟล เข้ามาร่วมงาน จึงเป็นเครื่องรับประกันในเรื่องเงินทุนสนับสนุน และความสำเร็จของงาน วิศวกรหนุ่มของ กุสตาฟ ไอเฟล 2 คน คือ เวอร์ริส คล็อกลิน และ เอมิล นูลจิเย เริ่มแนวคิดในการสร้างหอคอยสูง 300 เมตร สำหรับงานแสดงสินค้าในปี ค.ศ.1890 ในปารีสเขาเริ่มร่างแบบโครงสร้างของหอ-คอยอย่างคร่าวๆ และขอให้สถาปนิกชื่อ สตีเฟน สเตาว์เธอร์ ออกแบบส่วนตกแต่งเพื่อเติม ซึ่งมีลักษณะเป็นช่อดอกไม้ โค้ง และมีปติมากรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดทางสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1887 ว่า สามารถสัมผัสกับท้องฟ้าในระดับที่เป็นไปไม่ได้ คือ 1,000 ฟุต
กุสตาฟ ไอเฟล ได้เห็นแบบแปลนและอนุมัติ เขาได้สนใจแนวคิดเกี่ยวกับหอคอยนี้ และได้ออกแบบส่วนตกแต่งเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเข้าไปด้วย การมีชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล อยู่ในโครงการ ทุกคนรู้ผลลัพธ์ของการแข่งขันนี้ การมีสายสัมพันธ์ทางการเมืองและสังคมของกุสตาฟ ไอเฟล ทำให้มีความพร้อมที่จะผลักดันให้โครงการผ่านหน่วยงานปกครองของปารีสได้อย่างรวดเร็ว และทำให้โครงการจากแบบแปลนสำเร็จเป็นจริงได้ หอคอยซึ่งออกแบบจากความก้าวหน้าในยุคอุตสาหกรรม เป็น งานที่มีความท้าทายทางวิศวกรรม และ กุสตาฟ ไอเฟล จะได้แสดงให้เห็นถึงความความคิดสร้างสรรค์ของเขาที่เคยใช้ในการออกแบบมาแล้ว
28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1887 กุสตาฟ ไอเฟล ได้เชิญแขกมากมายมาเป็นพยานในการก่อสร้าง เขาอายุ 53 ปี และหอคอยจะเป็นความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบของเขา ในขณะที่พิธีการเริ่มขึ้น วิศวกร 50 คนต้องช่วยกันร่างแบบ จำนวน 5,300 แผ่นสำหรับคนงาน 132 คน ใช้ในพื้นที่ก่อสร้าง ต้องใช้เวลา 4 เดือน ในการทำฐานรากสำหรับขาของหอ-คอย เสา 2 ต้น ถูกติดตั้งบนฐานคอนกรีตหนา 6 ฟุตครึ่ง ที่ความลึก 23 ฟุตจากระดับดิน และมีขา 2 ข้างที่ใกล้กับแม่น้ำแซนมาก จึงต้องใช้เขื่อนโลหะกันน้ำ ป้องกันในขณะที่ทำการเทคอนกรีตบนพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ
หมุด 2 ล้าน 5 แสนตัว ที่ใช้ยึดโครงเหล็กของหอไอเฟล
บนพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัสของฐานหอคอยมีความกว้างด้านละ 426 ฟุต จะมีขาของหอคอยทั้ง 4 ในแต่ละด้าน รองรับน้ำหนักของโครงสร้างโลหะกว่า 7,000 ตัน บนฐานจะเป็นฐานก่ออิฐซึ่งจะฝังสมอยึด 2 ตัวสำหรับขาแต่ละข้าง จากฐานนี้ ขาจะถูกขึ้นเป็นมุม 60 องศาในลักษณะคานโครงเหล็ก คานนี้ประกอบไปด้วยท่อนเหล็กและเหล็กแผ่นที่ถูกยึดติดกันที่ด้านข้าง โครงสร้างที่ได้จะมีความเข็งแรงมาก แต่มีนำหนักเบา ประกอบง่าย ใช้มาตรฐานเดียวกัน และ มีราคาไม่แพง เมื่อประกอบเสร็จจะใช้ชิ้นส่วนโลหะทั้งหมด 18,000 ชิ้น และหมุดยึดอีก 2 ล้าน 5 แสน ตัว เพื่อประกอบเป็นหอคอย ทั้งหมดใช้เพียงเหล็กท่อนแบนและแผ่นเหล็กในการประกอบ
กุสตาฟ ไอเฟล เป็นคนแรกที่เดินขึ้นบันได 1,710 ขั้น เพื่อขึ้นไปที่จุดสูงสุดของหอคอย แล้วแขวนธงชาติ 3 สีของฝรั่งเศส มีการเปิดงานแสดงสินค้าในปี ค.ศ.1889 ในกรุงปารีส งานชิ้นเอก คือหอคอยที่สูงกว่า 300 เมตรที่งดงาม และในที่สุดมันจะเป็นที่รู้จักในนาม หอไอเฟล
ตอนแรกหอคอยถูกเรียกว่า หอคอยแห่ง 320 เมตร , หอคอย 320 เมตร ต่อมามันก็กลายเป็น หอไอเฟล หอไอเฟลถูกวางในพื้นที่ราบเรียบของปารีส และก็ ทำรายได้มหาศาลให้กับ กุสตาฟ ไอเฟล เนื่องจากความมั่นใจถึงความสำเร็จของเขา กุสตาฟ ไอเฟล ได้ออกเงินในการก่อสร้างกว่า 80% และทำสัญญาเป็นผู้ดูแลหอนี้เป็นเวลา 20 ปี กุสตาฟ ไอเฟล มีห้องพักอยู่บนหอคอย ที่ซึ่งเขาทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และพบปะแขกคนสำคัญ ในปีแรก นักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน เดินทางขึ้นลิฟท์เพื่อชมทัศนียภาพของปารีสบนยอดหอคอย ก่อให้เกิดรายได้กว่า 1 ล้านดอลลาร์
กุสตาฟ ไอเฟล มีรายได้มาจากหอไอเฟลมาก เขาอาจเป็นวีรบุรุษของฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1889 แต่อีก 1 ปี หลังจากนั้นเขาถูกตัดสินให้มีความผิด ในการหากำไรกับความล้มเหลวของฝรั่งเศสในการก่อสร้างคลองปานามา โครงการนี้เป็นความฝันของวิศวกรชาวฝรั่งเศสชื่อ เฟอร์ดินาน เดอ เลเซต ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างคลองสุเอด และตั้งใจจะทำเช่นนี้อีกในปานามา เดอ เลเซต ได้เชิญ ไอเฟล มาให้คำแนะนำในทางวิศวกรรมในการสร้างทางน้ำผ่านป่าทึบ ไอเฟล ได้เสนอแนวคิดระบบปิดกันน้ำแบบใหม่ แต่ เดอ เลเซต ไม่เห็นด้วย ผลที่ตามมาคือหายนะ การขุดคลอดไม่สามารถทำผ่านป่าทึบได้ รัฐบาลฝรั่งเศสแทบล้มลาย ผลกระทบทางการเมืองรุนแรงมาก ผู้ที่เกี่ยวข้องถูกประนาม- และ ไอเฟลก็ถูกตัดสินจำคุก 24 เดือน ซึ่งภายหลังถูกยกเลิก แต่บัดนี้ ไอเฟล ก็หมดความปรารถนาในการก่อสร้าง และไม่ได้สร้างอะไรอีกเลย
ขณะนั้น ไอเฟล มีอายุ 73 ปี และได้อุทิศตนให้กับงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยให้ความสำคัญกับการค้นคว้าเกี่ยวกับ อากาศพลศาสตร์ และ ได้สร้างห้องทดลองของตนขึ้นและ ยังคงเปิดทำการจนถึงทุกวันนี้ กุสตาฟ ไอเฟล ทดสอบแรงต้านทานของลมเป็นครั้งแรก เพราะตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมาของเขา ลมคือศัตรูหมายหนึ่ง ในช่วง ค.ศ.1906-1909 ไอเฟล ตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับอากาศพลศาสตร์ และได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นเป็นแห่งแรก และเป็นจุดกำเนิดของการศึกษาด้านการบินของฝรั่งเศส
กุสตาฟ ไอเฟล เป็นวิศวกรที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ในการสร้างหอคอยสูง 300 เมตร ในตอนแรกมีความตั้งใจว่าหอคอยนี้ จะมีอายุการใช้งานเพียง 20 ปี เขาเริ่มคุ้นเคยกับสถานะภาพชั้นสูงของปารีส และต่อมาเขาพยายามอย่างมากในการรักษาหอคอยเอาไว้ วิทยุเป็นสิ่งที่รักษาหอคอยเอาไว้ เนื่องจากความสูงของมัน สัญญาณวิทยุสา -มารถส่งไปถึงอเมริกาเหนือได้ ถึงแม้ต่อมาก็มีคำสั่งให้รื้อทิ้งในปี ค.ศ.1909 แต่หอไอเฟลก็รอดพ้นมาได้ โดย ช่วยเป็นเสาวิทยุให้ฝรั่งเศสติดตามสงคราม ที่กำลังก่อตัวขึ้นในเยอรมนี
มันถูกออกแบบให้เป็นผลงานชิ้นเอกในงานแสดงสินค้านานาชาติในปี ค.ศ.1889 บัดนี้นับกว่า 1 ศตวรรษการฉลองยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ผู้คนมากกว่า 1 พันคนได้มาเยี่ยมชมหอไอเฟลทุกๆ ชั่วโมง โดยมีลิฟท์ 4 ตัว ลิฟท์ 1 ตัวต่อ 1 ขา เคลื่อนที่ทำมุม 60 องศา หัวใจสำคัญในการเคลื่อนที่อยู่ภายใต้ขาหอคอยภายในสุสานใต้ดินนับร้อยปี -โดยใช้น้ำภายใต้แรงดันเป็นตัวขับลูกสูบไปผลักล้อเลื่อนให้ดึงสายเคเบิลขึ้นไป เทคโนโลยีอายุร้อยปีถูกหล่อลื่นด้วยไขมันแกะและยังทำงานได้อย่างดี และลิฟท์ที่ชั้น 3 จะขนผู้โดยสายขึ้นไปบนยอดหอคอย
ที่บนสุด งานบำรุงรักษาดำเนินงานทุกวัน กลุ่มคนงาน 25 คนจะเดินไปตามนั่งร้านเหล็ก ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินงาน 18 เดือน ในการทาสีหอคอย ได้ใช้สีมากกว่า 50 ตัน - งานที่ต้องทำซ้ำๆ ในทุกๆ 7 ปี ไม่เพียงแต่ช่างทาสีที่อยู่บนหอคอยนี้เท่านั้น ช่างไฟฟ้าก็เดินดูตรวจตราหอคอยนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะมันจะต้องมีแผงทำความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิน้ำในท่อไม่ให้แข็งเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อแตกเมื่ออุณหภูมิต่ำว่า -40 องศาฟาเรนไฮด์ และต้องดูแลหลอดไฟ 360 หลอด ซึ่งได้รับการตรวจสอบ และทำการเปลี่ยนเป็น-ประจำ เพื่อความสวยงามของหอคอย สีทีทาบนหอไอเฟล จะมีโทนสีเหลือง และการที่ถูกส่องด้วยไฟสีเหลือง ก็จะช่วยให้หอไอเฟล ถูกขับออกมาให้เด่นชัดมากขึ้น การให้แสงสว่างก็เพื่อให้หอไอเฟลเป็นดาวเด่นแห่งกรุงปารีส
ท้องฟ้าสีกุหลาบยามเย็น กัดสีผนังลายหินอ่อนของสถาปัตยกรรมในปารีส หอไอเฟลก็ยังคงตั้งอยู่ในฐานะของความมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยี ความสำเร็จทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เป็นสัญลักษณ์แห่งกรุงปารีส และ เป็นยังคงเป็นจิตวิญญาณของฝรั่งเศสเรื่อยไป

สถานที่ท่องเที่ยว


เทพีเสรีภาพ ตัวแทนความความอิสระของสหรัฐอเมริกา

หอโอเปร่าเฮ้าส์ กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

ปราสาทแวมไพร์ในทรานซิลวาเนีย ประเทศโรมาเนีย

หอเอนปิซ่า กรุงโรม ประเทศอิตาลี

รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ในริโอ เดอจาเนโร บราซิล

สุเหร่าโซเฟีย กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพ สถานที่เชิดหน้าชูตาของคนไทย

ปราสาทนครวัด นครธม จากเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกัมพูชา

พระราชวังเครมลิน สถานที่สร้างชื่อของรัสเซีย

พีระมิดแห่งกิช่า ตั้งเด่นเป็นสง่าใจกลางอียิปต์

หอนาฬิกาบิ๊กเบน ศูนย์กลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

กำแพงเมืองจีน กำแพงที่มีความยาวที่สุดในโลก

หอไอเฟล หอเด่นเป็นสง่าใจกลางกรุงปารีส ฝรั่งเศส

ทัชมาฮาล อนุสรณ์แห่งความรัก ประเทศอินเดีย

นครเปตรา สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ ประเทศจอร์แดน